ต้องยอมรับ Tiktok ของเขาแรง ของเขาดีจริง เพราะจากแอปฯ เล็ก ๆ แต่ตอนนี้ ติ๊กต่อกติดอันดับต้น ๆ ของแอปพลิเคชันยอดนิยม ที่ใครเล่นสมาร์ทโฟน หรือนิยมเข้าใช้ช่องทางสื่อออนไลน์ จะต้องโหลดแอปฯ tiktok ไว้ในเครื่องกันอย่างแน่นอน เพราะขนาดผู้สูงอายุแถวบ้านที่เล่นเฟสเล่นไลน์ไม่เป็น แต่เข้าไปดูติ๊กต่อกทุกวัน เพราะใช้งานง่ายและเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย กระแสติ๊กต่อกจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากแอปฯ ที่ใช้เล่นแบบไม่มีสาระอะไร กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นอีกช่องทางในด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โฆษณาหรือแม้แต่การขาย หาได้ที่ช่อง tiktok วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีขายสินค้าในติ๊กต่อกให้กับคนที่อยากจะเริ่มธุรกิจ หรือต้องการเพิ่มช่องทางให้คนได้รู้จักสินค้าของตนมากขึ้น ด้วยวิธีที่ไม่ยาก ดังต่อไปนี้เลยค่ะ
1. หาจุดเด่นของสินค้า
อันดับแรกเลยคือเราต้องหาจุดเด่นของสินค้าเราก่อนว่ามีอะไรที่โดดเด่น เพราะเดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็เจอแต่พ่อค้า แม่ขาย หันซ้ายก็ใช่ หันขวาก็แม่น ยิ่งถ้าสินค้าของเราดั๊นนเป็นสินค้าทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ขายกัน เราจึงยิ่งต้องหาจุดเด่นและความแตกต่างของสินค้าของเรา เพื่อดึงออกมาไว้ใช้เป็นจุดขาย เป็นตัวโฆษณา สร้างความแตกต่างให้สินค้าเราน่าสนใจ เช่น ถ้าขายกางเกง กางเกงของเรามีไซส์สำหรับเอวใหญ่พิเศษ หรือมีกางเกงเอวไซส์เล็กมาก ๆ สำหรับคนที่หาไซส์รอบเอวกางเกงใส่ยาก เป็นไซส์ที่นอกเหนือจากขนาดมาตรฐาน จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น หรือขายสบู่สมุนไพรธรรมชาติที่สามารถนำใช้สระผมได้ ใช้ล้างหน้า ล้างตัวได้ เพียงในก้อนเดียว ช่วยตอบโจทย์ให้กับคนที่ไม่ชอบใช้อะไรหลายอย่าง และยังสะดวกต่อการเดินทาง ทำให้ประหยัดพื้นที่กระเป๋าลง เป็นต้น
2. ราคาที่เหมาะสม
การตั้งราคาต้องดูกับประเภทสินค้า และกลุ่มลูกค้าที่เราจะนำเสนอขาย ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ใช้งาน tiktok มักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น ตั้งแต่วัยรุ่นต้นต้นไปจนถึงวัยรุ่นตอนปลาย จึงไม่ควรตั้งราคาที่สูงเกินไป จะทำให้ไม่เป็นที่สนใจ และควรเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะหากเป็นสินค้าที่ต้องใช้อยู่ประจำ และมีราคาไม่แพง ก็จะเพิ่มความน่าใจได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบใด เพราะสินค้าบางประเภทก็ไม่สามารถจำหน่ายในราคาถูกได้ อันเนื่องจากต้นทุนของเกรดวัตถุดิบ และบางครั้งราคาที่ถูกเกินไปก็อาจทำให้ไม่เป็นที่เชื่อถือได้ เพราะราคาถูกเกินไปก็อาจหมายความว่าสินค้านั้นคุณภาพต่ำ ทำให้ไม่ได้รับความสนใจเช่นกัน จึงควรตั้งราคาให้เหมาะสมในตัวสินค้าและกลุ่มลูกค้า เช่น กลุ่มลูกค้าคือวัยเรียน ควรเป็นสินค้าที่ใช้ได้เหมาะกับวัยและราคาไม่แพง ในขณะที่กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ก็อาจเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกหน่อยได้ เป็นต้น
3. จัดโปรโมชัน
เพราะการจัดโปรโมชันจะช่วยเรียกความสนใจจากลูกค้าได้มากขึ้น สังเกตง่าย ๆ เวลาที่เราเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อของอะไรเลย แต่พอเห็นเขาจัดโปรฯ ไม่ว่าจะโปรแถม โปรลด เช่น โปรฯ 1 แถม 1 หรือโปรฯ ลด?% รู้ตัวอีกทีก็ได้หิ้วมาแล้วเรียบร้อยโรงเรียนโปรฯ ดังนั้นเมื่อเราผันตัวจากคนซื้อมาเป็นคนขาย ผู้ซื้อคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างจากเรานักหรอกนา จัดโปรโมชันนอกจากจะช่วยกระตุ้นความสนใจ และเพิ่มยอดขายแล้ว ยังเป็นการได้ระบายสต๊อกสินค้า เช่น การจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 หรือ โปรโมชันยิ่งซื้อยิ่งลดเยอะ ฯลฯ ทำให้ของในสต๊อกได้ระบาย ช่วยลดปัญหาของค้างสต๊อกได้ด้วย ได้ยอดขายและยังได้ใจลูกค้า เพราะจากที่ตอนแรกเขาอาจไม่ได้สนใจ แต่เผลอหลงกลซื้อเพราะฤทธิ์ของโปรโมชันลวงใจ แต่ถ้าสินค้าเราดี และเขาได้ลองใช้ อาจชอบและติดใจ ได้กลับมาซื้อซ้ำ จนกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด และอาจช่วยโฆษณาให้เราฟรี ๆ ด้วยการบอกต่อคนอื่น ๆ โดยที่เราไม่ต้องไปเสียค่าจ้างบริษัทดัง ๆ
4. ขายอย่างสม่ำเสมอ
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับการขายสินค้าใน tiktok โดยควรไลฟ์ขายสินค้าในวัน เวลาเดิม และทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยและจดจำได้ เมื่อถึงช่วงวัน เวลาการขายสินค้าของเรา ลูกค้าก็จะสามารถเข้ามาชมโดยอัตโนมัติ เหมือนกับการที่เราดูละครหรือรายการโทรทัศน์ประจำวัน เมื่อเราจำได้ว่าละครเรื่องนั้น รายการนั้นแสดงวันไหน เวลาไหน เราก็จะทำการจดจ่อรอชม การไลฟ์ขายสินค้าในติ๊กต่อกก็เช่นกัน เพราะถ้าขายแบบสะเปะสะปะ ลูกค้าสับสนว่าขายสินค้าวันไหนกันแน่ เข้าไปก็ไม่ใช่ รอดูก็ไม่เจอ ก็จะเบื่อและหันไปสนใจสินค้าที่เหมือนกันแต่เป็นของคนอื่นแทน หรือแม้แต่กรณีที่เป็นการขายบ้างไม่ขายบ้าง ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นการลงขายให้เป็นประจำ สม่ำเสมอ เป็นวิธีการในการรักษามาตรฐานการขาย รวมไปถึงรักษากลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุด