รู้ไหมว่าอายุการใช้งานยางรถยนต์กี่ปีเปลี่ยนใหม่ สำหรับคนขับรถทั่วไป เคยสังเกตรถที่ขับอยู่บ้างไหม ว่าเมื่อไรควรเปลี่ยนยางรถยนต์ วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุทำอย่างไร หรือยางรถยนต์เสื่อมสภาพเกิดจากอะไร แอดมินจึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ มาให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ได้อ่านกัน เพื่อจะได้นำไปตรวจสอบกับสภาพยางรถของตนเอง เพื่อจะได้ขับขี่อย่างปลอดภัย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในขณะใช้รถ
ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานนานเท่าไร
ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 ปี หรือระยะทางในการขับขี่ประมาณ 30,000 – 40,000 กิโลเมตร หรือขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน น้ำหนักที่รถต้องบรรทุกเป็นประจำ รวมไปถึงสภาพถนนหนทาง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการเป็นสาเหตุของยางเสื่อมสภาพเร็วหรือช้า ซึ่งปกติยางรถยนต์แต่ละเส้นจะมีตัวเลขระบุไว้พร้อมกับตัวอักษรซึ่งเป็นหลักสากล ถูกกำหนดจากสมาคมยางและกระทะล้อ โดยส่วนใหญ่จะมีอักษรหลัก ๆ คือ
- P คือ ยางสำหรับรถยนต์โดยสารทั่วไป
- LT คือ ยางสำหรับรถที่ใช้สำหับบรรทุกน้ำหนักมาก ๆ
ตัวอย่าง “P225/70R16 91S”
โดย 225 (ตัวเลขหลังตัว P) คือ ความกว้างของยาง โดยวัดจากแก้มยางด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ยางมีลมตามมาตรฐาน
นอกจากนี้ โครงสร้างหลัก ๆ ของยางมี 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- Radial หรือ ยางเรเดียล
- Diagonal or Bias PLY หรือ ยางผ้าใบ
จากตัวอย่าง จะเป็น 70R โดย R คือ โครงสร้างของยาง ซึ่งเป็นยางประเภท Radial หรือ ประเภทยางเรเดียล ส่วนตัวเลขถัดจาก R คือ 16 (R16) คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อ หมายความว่า ยางเส้นนี้สามารถใส่กับกระทะล้อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว หรือหลายคนอาจคุ้นกับคำว่า ยางขอบ 16 นั่นเอง
การดูความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง ดูได้จากตัวเลข 91 ซึ่งอยู่หน้าอักษรตัว S โดยตัวเลขดังกล่าว เป็นดัชนีการรัยน้ำหนัก เมื่อคำนวณเป็นกิโลกรัม จะรับน้ำหนักได้ 615 กิโลกรัม และอักษร S ที่อยู่ท้ายสุด หมายถึง ค่าความเร็วสูงสุดของยาง ซึ่ง S จะมีค่าความเร็วสูงสุดที่ 180 กม. / ชม.
สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพเกิดจากอะไรได้บ้าง
ปัจจัยที่ทำให้ยางรถเสื่อมสภาพสามารถเกิดจากได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักบรรทุก ลักษณะการขับขี่รถ ความถี่ในการใช้รถ การดูแลรักษารถ ความเอาใจใส่ตรวจสอบสภาพรถ รวมไปถึงสภาพอากาศ โดยแต่ละสาเหตุล้วนแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- ช่วงล่างรถมีความผิดปกติ : การที่ช่วงล่างรถยนต์เกิดความผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากขับรถบนสภาพถนนขรุขระเป็นประจำ บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป ขับขี่โดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
- ความดันลมยาง : เป็นการเติมลมยาง คือ การนำอากาศเข้าไปในล้อยางทั้ง 4 ล้อ โดยจะต้องใช้เครื่องที่มีแรงดันและมาตรวัดที่ถูกต้อง หากเติมลมยางด้วยความดันที่ไม่เหมาะสม หรือใช้เครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะการใช้งาน ความปลอดภัยในการใช้รถ อีกทั้งยังทำให้ยางเสื่อมสภาพก่อนกำหนด และเปลืองน้ำมันอีกด้วย
- สภาพอากาศและอุณหภูมิ : สภาพอากาศก็เป็นอีกปัจจัย ที่มีผลต่อความเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ เช่น อากาศร้อน จอดรถไว้กลางแจ้ง ยางรถยนต์โดนความร้อนจากแดด เปียกฝน หรือมีความชื้นในอากาศ รวมไปถึงความร้อนจากการเสียดสีกับพื้นถนน
รู้ได้อย่างไรว่ายางรถยนต์เสื่อมสภาพ และเมื่อไรที่ต้องเปลี่ยนยาง
วิธีดูยางรถยนต์เสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเนื้อยางสึกหรอ หรือดอกยางสึก โดยการสึกหรอของยางรถยนต์มีหลายแบบ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสิ่งเหล่านี้
ยางรถยนต์สึกหรอ
- มีการสึกที่ไหล่ยางด้านเดียว โดยสภาพไหล่ยางด้านนอกหรือด้านในสึกเร็วกว่าอีกด้านหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเกิดจากมุมแคมเบอร์ไม่สมดุลหรือไม่เหมาะสมกัน จะเรียกการสึกหรอของยางแบบนี้ว่า การสึกแบบแคมเบอร์
- ยางสึกแบบฟันเลื่อย ซึ่งมักจะเกิดบริเวณไหล่ยาง วิธีการสังเกต คือ การใช้มือสัมผัสที่หน้ายาง หากลูบแล้วรู้สึกคล้ายลูบฟันเลื่อย แสดงว่ายางสึก และกำลังเข้าสู่การเสื่อมสภาพ โดยมีสาเหตุจากมุมโทของยางบวกหรือลบมากเกินไป จนทำให้บริเวณไหล่ยางรับน้ำหนักมากเกินขนาด จนส่งผลให้ยางเกิดการสึกหรอขึ้น
- ยางสึกแบบขนนก เกิดจากศูนย์ล้อทำงานผิดปกติ เช่น ศูนย์ล้อทำงานไม่สมดุลกัน ระหว่างมุมโทและมุมแคสเตอร์ จนส่งผลให้ยางสึกหรอไม่เท่ากัน ส่วนที่สึกหรอมากกว่าจะมีลักษณะเป็นรอยหยักคล้ายขนนก จึงเรียกว่าสึกแบบขนนกนั่นเอง
สภาพเนื้อยางรถยนต์ผิดปกติ
อาการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์แบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
- ยางซึม มีลมออกเร็วกว่าเส้นอื่น ๆ อาจเป็นไปได้ว่ามีรอยรั่ว ควรเช็กสภาพยาง หรือนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการ เพื่อจะได้ปะรอยรั่วซึม ป้องกันยางแบน ยางระเบิด จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะใช้รถได้
- พวงมาลัยสั่น หรือมีการรถเด้งขณะขับขี่ ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากยางบวม เกิดจากขอบยางไปกระแทกกับวัตถุบางอย่าง จนทำให้โครงสร้างยางเสีย ส่งผลต่อความเสถียรในการขับขี่รถยนต์
- ลุยแอ่งน้ำหรือขับรถบนพื้นเปียกแล้วแฉลบ หลายคนคงเคยขับรถลุยแอ่งน้ำท่วมขังตื้น ๆ หรือขับบนถนนเปียก ถนนลื่น โดยเฉพาะการขับรถช่วงหน้าฝน แล้วรถมีอาการแฉลบ เกิดจากดอกยางสึก ทำให้เสียการทรงตัวช่วงเสี้ยววินาที ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงควรคอยหมั่นสังเกตที่สะพานยาง หากพบว่าดอกยางสึกลึกเข้าไปเท่ากับสะพานยาง บ่งบอกได้ว่า ต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่แล้ว
สรุปได้ว่ายางรถยนต์เสื่อมสภาพสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ มีผลต่ออายุการใช้งานของยางรถโดยตรง เจ้าของรถจึงต้องคอยหมั่นสังเกต เช็กสภาพรถอยู่เสมอ และควรดูอายุยางรถยนต์ให้เป็น จะช่วยให้สามารถพบความผิดปกติได้เร็ว และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่ได้ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานยางรถยนต์ให้ใช้ได้นาน ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนยางรถยนต์บ่อย ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงรถไปได้เยอะมากเลยทีเดียว