Site icon socarts.net | ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต ทางผม แฟชั่น สุขภาพ แต่งบ้าน…

กิจกรรมวันคริสต์มาสทำอะไรบ้าง พร้อมที่มาและความหมายของธรรมเนียมวันคริสต์มาส

merry christmas logo on the tree for chiristmas time

วันคริสต์มาส ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์ และจะถือเอาช่วงเวลานี้เป็นวันหยุดยาว เพื่อจะได้กลับไปเฉลิมฉลองร่วมกับครอบครัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันในช่วงเวลาสำคัญแห่งปี ซึ่งได้ยึดถือปฏิบัติกันมาจนกลายเป็นประเพณี และวัฒนธรรมจนแพร่หลายไปหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบ้านด้วยธีมคริสต์มาส การตกแต่งต้นคริสต์มาส การห้อยถุงเท้า การและของขวัญ และอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วประเพณี หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำในวันคริสต์มาสมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ตาม socarts ไปรู้กันเลยดีกว่า

ทำไมจึงฉลองวันคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม 

การที่ชาวคริสต์ทั่วโลกเฉลิมฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม เนื่องจากวันคริสต์มาส คือ วันคล้ายวันประสูติพระเยซู ศาสดาสูงสุดของศาสนาคริสต์ ซึ่งมีความเชื่อตามพระคัมภีร์ที่ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูประสูติในสมัยจักรพรรดิซีซ่าร์ออกัสตัส และที่สาเหตุที่คริสตชนเลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส เนื่องจากในสมัยจักรพรรดิเอาเรเลียน (ค.ศ.274) ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันเกิดสุริยเทพ และฉลองจักรพรรดิไปในตัว แต่เหล่าชาวคริตชนในจักรวรรดิโรมันไม่ต้องการฉลองวันเกิดเทพแบบประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูแทน แต่ต้องแอบทำการฉลองแบบเงียบ ๆ เฉพาะในกลุ่มชนชาวคริสต์เท่านั้น เนื่องจากมีการเลื่อมล้ำ และเบียดเบียนศาสนากันอย่างรุนแรง จนกระทั่งวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.330 จึงได้มีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสอย่างเปิดเผย เป็นทางการมากขึ้น และเริ่มมีกิจกรรมในวันเฉลิมฉลองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้ยึดถือปฏิบัติตามกันมาจนถึงปัจจุบัน 

กิจกรรมวันคริสต์มาสมีความหมายและสำคัญอย่างไร

1. การเคาะประตูร้องเพลงเฉลิมฉลอง 

ประเพณีการไปเยี่ยมเยือนญาติ เพื่อน หรือคนรู้จัก เพื่ออวยพรให้มีความสุขในวันคริสต์มาส โดยเริ่มจากการรวมกลุ่มกันไปเคาะประตูทีละบ้าน และร้องเพลง 1 – 2 เพลง เมื่อประตูบ้านเปิดออก โดยเพลงที่นิยมนำมาร้องอวยพรในวันคริสต์มาส ได้แก่ เพลง White Christmas , Santa Claus Is Coming to Town , Silent Night , Holy Night  หรือ Rudolph the Red-nosed Reindeer อวยพรให้กับเจ้าของบ้าน จากนั้นเจ้าของบ้านจะตอบแทนด้วยอาหาร เครื่องดื่ม หรือขนมแก่กลุ่มคนที่มาร้องเพลงอวยพรให้ ซึ่งปัจจุบันเรามักจะได้ยินในสถานที่ต่าง ๆ นิยมนำเพลงเหล่านั้นมาเปิดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพื่ออวยพรและเพิ่มความรื่นเริงให้กับผู้คนในวันสำคัญของปี 

2. การตกแต่งต้นคริสต์มาส 

สถานที่สำคัญ แหล่งธุรกิจ การค้าและบริการหลาย ๆ แห่ง มักจะมีการตกแต่งต้นคริสต์มาส เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า หรือนักท่องเที่ยวให้ได้มาเยี่ยมชม ถ่ายรูป สร้างความโดดเด่นให้กับสถานที่ของตน โดยการแต่งต้นคริสต์มาสนี้เริ่มมาจาก Martin Luther ชาวเยอรมนี ที่ได้มองเห็นแสงจันทร์ทะลุกิ่งไม้ระหว่างเดินทางกลับบ้าน แล้วรู้สึกชอบใจในความสวยงามของภาพที่ได้เห็น เมื่อกลับถึงบ้าน เขาจึงออกไปตัดต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เข้าไปไว้ในบ้าน แล้วประดับด้วยเทียน จนเกิดการทำตามอย่างแพร่หลายในเยอรมนี และกลายเป็นประเพณี จนราชวงศ์อังกฤษได้นำการตกแต่งต้นไม้แบบดังกล่าวมาใช้ในสหราชอาณาจักรอย่างจริงจัง ทำให้คนทั่วโลกเริ่มมีการนำของตกแต่งต้นคริสต์มาสกันมากขึ้น อีกทั้งยึดถือทำต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน 

โดยความสำคัญในกิจกรรมนี้ มีความหมายที่ต้นคริสต์มาส ซึ่งในพระคัมภีร์ได้เปรียบพระเยซู เสมือน ต้นไม้แห่งชีวิต มีความเขียวชะอุ่มในทุกฤดูกาล อันสื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และความสว่างของพระองค์เปรียบเสมือนดั่งแสงเทียนส่องสว่างท่ามกลางความมืด พระองค์เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา ความสามัคคีของผู้คน ทำให้ต้นไม้หรือต้นคริสต์มาสจึงเป็นจุดรวมความชื่นชมยินดี การเฉลิมฉลองของคนในครอบครัว หรือกลุ่มคนที่มีความรัก ความเมตตาต่อกันนั่นเอง 

3. การแขวนถุงเท้า 

ช่วงคริสต์มาสอีฟ ผู้คนนิยมนำถุงเท้าไปห้อยไว้ที่ต้นคริสต์มาส หรือแขวนถุงเท้าไว้ที่หน้าเตาผิง โดยเริ่มจากความเชื่อว่า หากบ้านไหนมีการแขวนถุงเท้าไว้ ซานตาครอสจะนำของขวัญที่อยากได้มาใส่ไว้ในถุงเท้า แต่ความหมายของการแขวนถุงเท้าจริง ๆ มาจากหลากหลายความเชื่อ เช่น หากบ้านไหนมีการวางหญ้าไว้ในรองเท้า แล้วนักบุญนิโคลัส (ซานตาครอสคนแรก) เดินทางผ่านมาเห็น จะนำหญ้าแห้งนั้นไปเป็นอาหารให้กับลาของเขา โดยที่จะวางเงินเหรียญใส่ไว้ในรองเท้า เป็นค่าตอบแทนหญ้าแห้ง หรืออีกความเชื่อว่า มีพี่น้องฐานะยากจน 3 คน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน จึงจะไปทำงานโสเภณี เมื่อนักบุญนิโคลัสรู้เรื่องนี้  เขาได้นำเหรียญทองไปหยอดลงปล่องไฟ เพื่อจะให้ 3 พี่น้องเก็บเอาไว้ใช้จ่าย แต่เหรียญกลับกระเด็นหล่นลงไปในถุงเท้าที่แขวนตากไว้หน้าปล่องไฟ จนกระทั่ง 3 พี่น้องตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า แล้วพบเหรียญในถุงเท้า ทำให้ทั้ง 3 คนเลิกล้มความคิดที่จะไปเป็นโสเภณี และข่าวเรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไป ผู้คนจึงเริ่มแขวนถุงเท้าคริสต์มาสบ้าง เพราะหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะได้ของขวัญคริสต์มาสบ้าง

4. เตรียมขนมและนมให้กับซานต้า 

จากความเชื่อในเรื่องของการแขวนถุงเท้าคริสต์มาส ทำให้มีประเพณีการเตรียมขนมและนม เพราะเชื่อว่าซานต้าจะมามอบของขวัญให้กับเด็ก ๆ ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เพื่อเป็นการขอบคุณซานต้าที่ต้องทำงานหนักในการแจกของขวัญตลอดคืนก่อนวันคริสต์มาส จึงมีการเตรียมและวางขนม หรือ คุ้กกี้ และ นมสด ไว้ข้าง ๆ เตาผิง ให้สำหรับซานต้าคลอส และบางบ้านอาจมีการวางแครอทสำหรับกวางเรนเดียร์ทั้ง 9 ตัวของซานต้าอีกด้วย โดยผู้คนจะนิยมจัดเตรียมไว้ก่อนเข้านอน 

5. สีเทศกาลคริสต์มาส สีแดง – สีเขียว 

สีประจำเทศกาลคริสต์มาส เราจะคุ้นเคยกันดีกับสีแดงและสีเขียว โดยความหมายของสัญลักษณ์สีประจำเทศกาลนี้ มีดังนี้ 

อย่างไรก็ตาม ความหมายและที่มาของธรรมเนียมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสทั้งหมดนี้ บางสิ่งก็สืบต่อกันมาเป็นเวลานานกว่าร้อย ๆ ปี ในขณะที่บางเรื่องก็เป็นการบอกเล่าแต่ยึดถือปฏิบัติต่อกันมา จนกลายเป็นกิจกรรมประจำเทศกาลคริสมาสต์มาจนถึงปัจจุบัน

Exit mobile version