เคยยืนงงกับขวดน้ำมันที่ตั้งเรียงรายเหมือน ๆ กันไปหมด เวลาที่ต้องเลือกการใช้น้ำมันปรุงอาหารกันบ้างไหม เพราะเมื่อก่อนอาจมีน้ำมันปรุงอาหารไม่มาก จึงเลือกได้ง่ายกว่า แต่เดี๋ยวนี้มีน้ำมันหลายชนิด เพื่อให้เหมาะต่อการใช้งาน และดีต่อการปรุงอาหารแต่ละประเภท เชื่อว่ามีหลายคนที่ยังหยิบน้ำมันที่คุ้นเคย ใช้ต่อ ๆ กันมานานภายในบ้าน หรืออาจเลือกตามราคาที่สะดวกเอาไว้ก่อน แต่รู้ไหมว่าน้ำมันแต่ละประเภทใช้ปรุงอาหารแตกต่างกันนะ น้ำมันบางชนิดเหมาะต่อการใช้ผัด น้ำมันบางชนิดไม่เหมาะต่อการใช้กับความร้อน แล้วถ้าอย่างนั้นน้ำมันสำหรับทอดมีอะไรบ้าง น้ำมันชนิดไหนควรนำไปใช้สำหรับเมนูผัดเท่านั้น ไปดูกันเลยดีกว่า
1. น้ำมันหมู
เหมาะสำหรับใช้ทอด เมนูผัด
น้ำมันหมู น้ำมันจากไขมันสัตว์ราคาถูก มีกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ทนความร้อนได้สูง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเมื่อโดนความร้อน ช่วยให้อาหารที่ผัดหรือทอดด้วยน้ำมันหมูมีความอร่อยและหอมยิ่งขึ้น จึงเป็นน้ำมันที่เหมาะต่อการใช้ทอดและอาหารเมนูผัด
2. น้ำมันปาล์ม (Palm Oil)
เหมาะกับการทอด
น้ำมันยอดนิยมที่ใครหลายคนรู้จักกันดี และเป็นน้ำมันที่มีแทบกันทุกบ้าน รวมไปถึงร้านอาหารตามสั่ง เพราะน้ำมันปา์มมีกรดไขมันอิ่มตัวมากกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ สามารถผ่านความร้อนได้นาน ทำอาหารได้หลากหลาย โดยเฉพาะเมนูทอด ๆ ทั้งหลาย ยิ่งเมนูทอดที่ต้องใช้ปริมาณน้ำมันเยอะ ๆ การใช้น้ำมันปาล์มจะทำให้อาหารมีสีสวย ดูน่ารับประทาน
3. น้ำมันรำข้าว (Rice Bran Oil)
เหมาะสำหรับ ใช้ทอด ผัด ทำขนมต่าง ๆ
น้ำมันรำข้าว คือ น้ำมันสำหรับทอดเพื่อสุขภาพขวัญใจคนไทย เพราะน้ำมันรำข้าวคลีนกว่าน้ำมันทั่วไปกว่า 50% แถมยังมีกรดไขมันอิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เป็นน้ำมันที่นิยมนำไปใช้ทอด ผัด หรือทำขนมต่าง ๆ
4. น้ำมันถั่วเหลือง (Soybean Oil)
เหมาะกับเมนูผัด หมัก ทำขนม
น้ำมันถั่วเหลือง เป็นอีกประเภทน้ำมันที่นิยมใช้กันทุกครัวเรือน เพราะน้ำมันถั่วเหลืองมีกรดไขมันอิ่มตัวในระดับปานกลาง ทนความร้อนได้ค่อนข้างดี สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย แต่น้ำมันถั่วเหลืองไม่เหมาะในการใช้ทอด หรือปรุงเมนูที่ต้องผ่านความร้อนจัดนาน ๆ
5. น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower Oil)
เหมาะสำหรับการผัด ทำสลัด
น้ำมันดอกทานตะวัน ไม่ทนต่อความร้อนได้นาน จึงไม่เหมาะต่อการใช้ทอดอาหาร แต่น้ำมันดอกทานตะวันเหมาะกับเมนูผัดที่ใช้เวลาผ่านความร้อนไม่นาน หรือใช้เป็นส่วนผสมการทำสลัดที่ไม่ต้องปรุงผ่านความร้อน และยังเหมาะต่อการนำน้ำมันดอกทานตะวันทำขนมหรือเบเกอรี่ต่าง ๆ เพราะไร้กลิ่น มีเนื้อบางเบา แต่ราคาค่อนข้างสูง
6. น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
เหมาะกับการทำน้ำสลัด ปรุงอาหารที่ผ่านความร้อนน้อย หรือไม่ผ่านความร้อนเลย
น้ำมันมะกอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มีคุณค่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพ นิยมใช้กันมากในแถบยุโรปและตะวันตก โดยน้ำมันมะกอกสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- Extra virgin olive oil เหมาะกับการใช้ทำสลัด หรืออาหารที่ไม่ผ่านความร้อน
- Pure olive oil เหมาะกับใช้ทำสลัด หรือนำไปผัดอาหาร
- Light olive oil นำไปใช้ทอดได้ แต่ไม่ควรนำมารับประทานสดหรือใช้ทำสลัด
7. น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
เหมาะสำหรับหมัก ใช้ผัด ทำขนม
น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวที่มีโมเลกุลขนาดกลาง ช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันเข้าสู่ร่างกาย และสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันสารพัดประโยชน์ตัวจริง เพราะสามารถใช้ทานสดได้ นำไปปรุงผ่านความร้อนได้ และยังใช้บำรุงผิว ดูแลเส้นผมได้อีกด้วย เป็นน้ำมันสุดโปรดของเหล่าสายคลีนตัวจริง แถมยังมีคุณสมบัติในการช่วยลดความอยากอาหารลง จึงเป็นตัวช่วยของคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี