ปกติร่างกายของคนเราจะมีการระบายความร้อนภายในออกมาเป็นรูปของ เหงื่อ และยิ่งช่วงนี้ ประเทศไทยอากาศร้อนจัด ด้วยอุณหภูมิเกือบ 40 องศาเซลเซียส และบางแห่งพุ่งสูงเกือบแตะเพดานที่ 50 ทำให้หลาย ๆ คนต้องเจอกับปัญหาเหงื่อออกเยอะ เหงื่อออกแทบตลอดเวลา ขนาดเปิดพัดลมตลอดเวลาก็ยังมีเหงื่อซืม และเหนียวตัว และอีกสิ่งที่ตามมา คือ กลิ่นตัว หรือที่เราเรียกกันว่า กลิ่นเต่า
ยิ่งถ้าใครที่เป็นคนเหงื่อเยอะ มีกลิ่นตัวแรง หรือทำงานกลางแจ้ง ยิ่งทำให้มีกลิ่นเหงื่อเหม็นเปรี้ยว จนทำให้กลิ่นเต่าติดเสื้อ ซึ่งนอกจากจะทำให้สูญเสียความมั่นใจแล้ว หลายคนอาจรู้สึกอายเมื่อมีคนมองที่มาของกลิ่นเหม็นอับแล้วพบต้นตอว่าเป็นตัวเราเองใช่ไหมคะ วันนี้เรามีวิธีแก้เสื้อมีกลิ่นเหงื่อทำยังไงถึงจะหาย ชนิดที่เรียกว่า หมดกังวลกลิ่นเหงื่อติดเสื้อผ้าอีกต่อไป
ซักทันที
ใช่ค่ะ เมื่อกลับถึงบ้าน ต้องรีบถอดผ้าที่สวมอยู่แล้วนำไปซักทันที อย่าหมักหมมกองไว้ในตะกร้าผ้าเด็ดขาด หากไม่อยากให้กลิ่นเหงื่อติดลึกไปถึงเส้นใยผ้า จนกลิ่นเต่าติดผ้าอย่างถาวร และไม่สามารถกำจัดกลิ่นออกได้อีกต่อไป นอกจากนี้ การโยนผ้าลงไปใส่กองรวมกับผ้าอื่น ๆ ในตะกร้าผ้า จะทำให้กลิ่นเหม็นอับติดไปยังผ้าชิ้น ๆ อื่นด้วยเช่นกัน
ใช้น้ำอุ่นซักผ้า
อีกวิธีกำจัดกลิ่นผ้าเหม็นเหงื่อ คือ การใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนซักผ้า แต่จะต้องดูฉลากบนผ้าด้วยว่า สามารถใช้กับน้ำร้อนได้ไหม หรือสามารถซักกับน้ำที่มีความร้อนได้ระดับไหน ซักกับน้ำร้อนได้ หรือซักได้กับน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิปกติเท่านั้น เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์จะไม่ทนต่อน้ำร้อนมากนัก หรือ ผ้าขนสัตว์จะหดตัวเมื่อซักกับน้ำร้อน เป็นต้น
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ
การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อจะช่วยกำจัดกลิ่นเหงื่อบนผ้าได้ แต่ในขณะเดียวกัน น้ำยาฆ่าเชื้อก็มีกลิ่นรุนแรง และฉุนจนแสบจมูกได้เหมือนกัน ดังนั้น หลังจากซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว ควรล้างน้ำเปล่าหลาย ๆ น้ำ จนกว่ากลิ่นจะจาง ก่อนที่จะนำผ้าไปตากแดดในขั้นตอนสุดท้าย
ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำ
นำเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำเปล่าสะอาด แล้วนำไปป้ายบริเวณที่มีกลิ่นเหงื่อ โดยเน้นบริเวณรักแร้ และจุดที่มีกลิ่นแรง ๆ ติดเสื้อ จากนั้นแช่ทิ้งไว้ในเครื่องซักผ้าประมาณ 10 – 15 นาที แล้วจึงซักตากปกติ
ใช้แอลกอฮอล์
บ้านไหนที่มีแอลกอฮอล์อยู่แล้ว เช่น วอดก้า เหล้าขาว ฯลฯ ให้นำแอลกอฮอล์ผสมน้ำเปล่าในอัตรา 1 : 3 ในขวดสเปรย์ แล้วนำไปฉีดผ้าที่มีกลิ่นเหงื่อ โดยฉีดพรมให้ทั่ว แต่ให้เน้นจุดที่มีกลิ่นรุนแรงให้มากกว่าบริเวณอื่น แล้วจึงค่อยนำผ้าไปซักตามปกติ
น้ำยาปรับผ้านุ่ม
ปัจจุบัน น้ำยาปรับผ้านุ่ม มีหลายกลิ่น และมีระดับความเข้มข้นให้เลือกมากขึ้น แนะนำให้เลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้มข้น หากรู้สึกว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นแรงเกินไป หรือกังวลว่าจะแพ้เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้มข้นเกินไป ให้เติมน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ช้อนชา ลงไป จะช่วยเจือจางความเข้มของน้ำยาปรับผ้านุ่มได้ลงระดับหนึ่ง เมื่อผ้าแห้งหลังจากตากแดด