ท่องเที่ยวอื่นๆเครื่องมือ

รู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์แล้ว

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือแบตรถยนต์หมดดูยังไง เพื่อที่จะได้เตรียมการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่เสียแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องไปเสี่ยงแบตเตอรี่หมด หรือรถดับสนิทระหว่างเดินทาง จนอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ซึ่งสาเหตุรถแบตหมดหรือแบตเตอรี่เสื่อมีหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการรถแบตหมดและวิธีเช็คแบตรถเสื่อมในเบื้องต้นจากอาการต่อไปนี้ 

แบตเตอรี่เสื่อมดูยังไง

1. รถสตาร์ทติดยาก หรือ รถสตาร์ทไม่ติดเลย โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ หรืออาจจะมีอาการแบบนี้ทุกครั้งที่ดับเครื่องยนต์ แล้วมีการสตาร์ทรถใหม่ ไม่ว่าจะสตาร์ทติดๆ ดับๆ สตาร์ทหลายครั้งกว่าจะติดและเคลื่อนตัวไปได้ 

2. จอดรถทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน ก็สตาร์ทติดยากหรือสตาร์ทไม่ติดเลย (แต่ต้องเช็คระบบไฟด้วย ว่าเป็นเพราะไฟรั่วหรือเพราะแบตเตอรี่กันแน่) 

3. รถสตาร์ทติดยาก แต่เมื่อพ่วงแบตจากรถคันอื่นถึงจะสตาร์ทติด แสดงว่าแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นอาการแบตเสื่อมเช่นกัน

4. สัญลักษณ์สัญญาณไฟเตือนขึ้นแสดงบนหน้าจอ เช่น สัญญาณไฟเตือนรูปเครื่องยนต์ 

5. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ หรือระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง ซึ่งอาการเหล่านี้ก็อาจเป็นสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถเสื่อมเช่นกัน 

อาการไดสตาร์ทหรือมอเตอร์สตาร์ทเสีย 

1. รถสตาร์ทไม่ติด ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่ากระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่มีไม่พอ หรือระบบไดสตาร์ทมีปัญหา หากลองพ่วงแบตเตอรี่ลูกอื่นดูแล้วรถสตาร์ทติดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่แล้ว หรือใช้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ขณะที่ดับเครื่องยนต์นานเกินไป จนกระแสไฟในแบตเตอรี่ไม่พอจ่ายที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ 

2. สตาร์ทรถไม่ติดหลังจากทำการพ่วงแบตเตอรี่ เมื่อพ่วงกับแบตลูกอื่นแล้ว แต่ก็ยังสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด ก็อาจเป็นไปได้ว่าระบบมอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสายไฟที่ต่อมอเตอร์ขาดหรือหลุดจากจุดต่อ ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ทขาด หรือแปรงถ่านในมอเตอร์สตาร์ทหมด เป็นต้น 

อาการไดชาร์จมีปัญหา 

หากเพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรี่มาไม่นาน แต่สตาร์ทเครื่องยนต์ยาก หรือจู่ๆรถก็ดับไปเองขณะที่กำลังขับอยู่ อาการแบบนี้เป็นไปได้ว่ามีสาเหตุมาจาก ไดชาร์จหรือชุดจ่ายไฟมีปัญหา โดยสามารถสังเกตจากหน้าปัดในรถจะแสดงรูปแบตเตอรี่ขึ้นเป็นสีแดง 

แบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน

แน่นอนว่าแบตเตอรี่มีระยะเวลาในการใช้งาน โดยปกติทั่วไปแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี หรืออาจถึง 5 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ ลักษณะการใช้งาน และมาตรฐานการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์มีคุณภาพ อาทิเช่น แบตเตอรี่g7 แต่ยังมีผู้ใช้รถมือใหม่หลายท่าน ที่อาจยังไม่เข้าใจว่าการที่จอดรถทิ้งไว้เฉยๆ หรือการที่ไม่ใช้รถยนต์เลยนั้น จะส่งผลต่อแบตเตอรี่หมดไวหรือแบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ เพราะเข้าใจว่าการใช้งานรถยนต์ให้น้อยที่สุดคือการรักษาสภาพแบตเตอรี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่จอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ ทำให้แบตเตอรี่ไม่มีการชาร์จจากเครื่องยนต์ จะยิ่งทำให้แบตหมดหรือแบตเสื่อมสภาพไวขึ้น จึงทำให้อายุการใช้งานสั้นลงกว่าปกติ ทำให้ต้องมีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เร็วขึ้นและบ่อยกว่าที่ควรจะเป็น

การดูแลแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีจะช่วยให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างคุ้มค่าและนานขึ้นจนกว่าจะหมดอายุหรืออาจได้นานกว่านั้นขึ้นไปอีก ด้วยวิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์แบบง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 

วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์

1. หมั่นตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่รถยนต์

คอยตรวจสภาพแบตเตอรี่ให้มีสภาพดีอยู่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่บวม และไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้ และเมื่อไรที่แบตเตอรี่บวม จะต้องสังเกตว่ามีของเหลวหรือน้ำกรดซึมออกมาตามขอบและด้านข้าง หรือตรงฝาครอบแบตเตอรี่หรือไม่ 

2. ตรวจสอบว่ายึดแบตเตอรี่ติดกับฐานแน่นดีแล้ว

เพราะถ้าไม่ยึดไว้ให้ดี หรือยึดจนแน่นเกินไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆตามมาได้ เช่น แบตเตอรี่บวม แบตเตอรี่ร้าว หรือทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ที่เป็นสาเหตุให้เกิดรถระเบิด

3. ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งาน

เพราะแบตเตอรี่ที่สกปรกจะมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน อีกวิธียืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ คือการทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ไม่ให้มีคราบสกปรก หากมีคราบขี้เกลือขึ้น ให้เช็ดด้วยเบคกิ้งโซดาละลายน้ำอุ่นจากนั้นขัดให้ทั่วด้วยแปรงขนนิ่มหรือแปรงสีฟันจนสะอาด แล้วจึงเช็ดให้แห้ง ตามด้วยการใช้วาสลีนหรือจาระบีทางบางๆ ที่ขั้วแบต เพื่อป้องกันคราบขี้เกลือ

4. ตรวจเช็คน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับพอดี (กรณีแบตเตอรี่ที่ใช้น้ำกลั่น) 

หมั่นเช็คระดับน้ำกลั่นอยู่เสมอ อย่าไม่ปล่อยให้น้ำแห้งเด็ดขาด ยิ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น จะต้องคอยเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้เสมอ อย่าให้น้ำกลั่นแห้งหรืออยู่ต่ำกว่าขีดต่ำสุด แต่ก็ไม่ควรเติมน้ำกลั่นให้สูงเกินกว่าขีด เพราะจะทำให้ขั้วแบตสกปรกและขึ้นคราบขี้เกลือได้ง่าย และข้อสำคัญเลยคือ ห้ามเติมน้ำกรดหรือน้ำกลั่นที่ผสมสารเคมีลงไปเด็ดขาด

5. คอยเช็คตาแมวแบตเตอรี่

กรณีรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่แห้ง ให้เช็คแบตเตอรี่ด้วยการดูตาแมวเพื่อตรวจสอบกำลังไฟ โดยการสังเกตจากสีของตาแมว (สีของตาแมวอาจมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อแบตเตอรี่ด้วย สามารถอ่านความหมายสีของตาแมวบนฉลากที่ติดกับแบตเตอรี่) โดยส่วนใหญ่หากตาแมวเป็นสีส้มหรือสีแดงมักจะหมายถึงแบตเตอรี่มีปัญหา อาจต้องเติมน้ำกลั่นหรือชาร์จไฟ แต่ถ้าตาแมวแบตเตอรี่เป็นสีขาว อาจเป็นไปได้ว่าแบตหมด ส่วนสีน้ำเงินแสดงว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ปกติ

6. ตรวจวัดระดับกระแสไฟแบตเตอรี่อยู่เสมอ

จะต้องคอยตรวจวัดระดับกระแสไฟฟ้าแบตเตอรี่เสมอ เพื่อจะได้ดูว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือมีปัญหาในการเก็บประจุไฟฟ้าหรือไม่ จะได้ทำการแก้ไขได้ทันและสามารถใช้งานได้ปกติ โดยไม่เกิดปัญหาในขณะใช้งาน 

7. ตรวจเช็คระบบชาร์จไฟ

ระบบชาร์จไฟก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะระบบชาร์จไฟต่ำไปอาจส่งกำลังไฟไม่พอ ทำให้สตาร์ทรถไม่ติดได้ หรือถ้าระบบไฟสูงไฟก็จะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นภายในเดือดและระเหยเร็วเกินไป 

*และห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาดในขณะที่ทำการเช็คแบตเตอรี่รถยนต์ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟ หรือไฟลุกไหม้ได้*

แต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยตัวคุณเอง ก็ควรจะรู้วิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ อย่างถูกวิธีเพื่อให้เกิดความปลอดภัยขณะทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ และปลอดภัยในขณะใช้งานรถยนต์ ดังนั้นก่อนจะทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่ จะต้องสังเกตแบตเตอรี่รถยนต์ลูกเก่าว่าหมดอายุหรือแค่หมดไฟเท่านั้น โดยสังเกตจาก วัน เดือน ปี ที่ระบุไว้บนแบตเตอรี่ และคำนวณระยะเวลาว่ามีอายุการใช้งานมานานเท่าไร หากพบว่ามีการใช้งานแบตเตอรี่นานกว่า 1 ½  ก็อาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรืออีกกรณีหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ว่าคุณอาจผลอเปิดระบบไฟส่วนใดทิ้งไว้ จนทำให้กระแสไม่พอสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้ลองหมุนสวิตซ์กุญแจไปที่ตำแหน่ง ON จากนั้นเปิดไฟหน้าดู หากไฟหน้าปัดหรือไฟหน้าไม่ติดแสดงว่าลืมปิดไฟจนไฟหมด ถ้าเป็นกรณีแบบนี้อาจแค่เพียงจั๊มพ์แบตเตอรี่ แต่ถ้าไฟหน้าปัดหรือไฟหน้าติด แสดงว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ควรทำการเปลี่ยนแบตรถยนต์ลูกใหม่ได้แล้ว 

รู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์แล้ว

สาเหตุรถแบตหมดหรือแบตเตอรี่เสื่อมีหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการรถแบตหมดและวิธีเช็คแบตรถเสื่อมในเบื้องต้นจากอาการต่อไปนี้

Positives

  • +

Negatives

  • -
Related posts
ความรู้ข่าวสุขภาพอื่นๆเครื่องมือไลฟ์สไตล์

เบรกแล้วสั่นเกิดจากอะไร ทำยังไงให้พวงมาลัยหายสั่น

การขับขี่รถบนท้องถนนต้องใช้ความระมัดระวัง…
Read more
ความรู้สุขภาพเครื่องมือแฟชั่นไลฟ์สไตล์

เลือกโฟมล้างหน้าอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา

“โฟมล้างหน้า” คือ…
Read more
ความรู้อื่นๆเครื่องมือแฟชั่นไลฟ์สไตล์

ผ้าแบบไหนไม่ควรนำเข้าเครื่องอบผ้า ทำให้เกิดความเสียหาย และเป็นอันตรายได้

หลาย ๆ…
Read more
Newsletter
Become a Trendsetter
Sign up for Davenport’s Daily Digest and get the best of Davenport, tailored for you.