ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะสำคัญในระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะของผู้ชาย แต่หลายคนมักไม่สนใจจนกว่าจะเกิดปัญหา เช่น ปัสสาวะติดขัด หรือความผิดปกติในการสืบพันธุ์ การตรวจต่อมลูกหมากตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น
โดยทั่วไป ปัญหาต่อมลูกหมากที่พบบ่อย ได้แก่ ต่อมลูกหมากโตแบบไม่เป็นมะเร็ง (Benign Prostatic Hyperplasia หรือ BPH), การอักเสบของต่อมลูกหมาก (Prostatitis) และมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งแต่ละชนิดมีอายุและอาการที่พบต่างกัน
อายุที่ควรเริ่มตรวจต่อมลูกหมาก
ผู้ชายที่มีความเสี่ยงเฉลี่ย
สำหรับผู้ชายที่ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ไม่มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอื่น ๆ และสุขภาพโดยรวมดี แนวทางสากลแนะนำให้เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการตรวจต่อมลูกหมากประมาณ อายุ 50 ปี โดยอาจเริ่มตรวจ PSA (Prostate-Specific Antigen) เพื่อประเมินความเสี่ยงและการทำงานของต่อมลูกหมาก
เหตุผลคือ หลังจากอายุ 50 ปีต่อมลูกหมากมีแนวโน้มที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง และประโยชน์จากการตรวจคัดกรองจะเริ่มมีมากกว่าความเสี่ยง
ผู้ชายที่มีความเสี่ยงสูง
กลุ่มผู้ชายบางคนควรเริ่มตรวจเร็วกว่าคนทั่วไป ได้แก่
- ผู้ชายที่มีญาติสายตรง (พ่อหรือพี่ชาย) เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะถ้าเกิดในวัยค่อนข้างอายุน้อย
- ผู้ชายที่มีเชื้อสายแอฟริกันหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง พบว่ามีโอกาสเกิดโรคต่อมลูกหมากรุนแรงมากกว่า
ในกลุ่มนี้ การเริ่มตรวจคัดกรองควรเริ่ม อายุ 45 ปี และในบางกรณีความเสี่ยงสูงมาก อาจพิจารณาเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 40 ปี
การตรวจต่อมลูกหมากประกอบด้วยอะไรบ้าง
การตรวจต่อมลูกหมากมีหลายวิธี เช่น
- ตรวจเลือด PSA – เป็นการวัดระดับโปรตีนที่สร้างจากต่อมลูกหมาก หากสูงกว่าปกติอาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติ
- การตรวจทางทวารหนักแบบดิจิทัล (Digital Rectal Exam – DRE) – แพทย์ใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อตรวจหาก้อนหรือความผิดปกติของต่อมลูกหมาก
- ประเมินปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล – อายุ, ประวัติครอบครัว, เชื้อชาติ, และโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวานหรือโรคอ้วน
- คำแนะนำเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการตรวจ – เพราะการตรวจอาจมีผลข้างเคียง เช่น ผลบวกเทียม การตรวจมากเกินไป หรือการเจาะชิ้นเนื้อที่ไม่จำเป็น
สำหรับผู้ชายอายุน้อยกว่า 40 ปี การตรวจคัดกรองทั่วไปไม่จำเป็น เพราะโอกาสเกิดโรคต่อมลูกหมากรุนแรงยังต่ำ และการตรวจมากเกินไปอาจสร้างความกังวลและทำให้เกิดการตรวจเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น
อายุที่เริ่มเกิดปัญหาต่อมลูกหมาก
ต่อมลูกหมากโตแบบไม่เป็นมะเร็ง (BPH)
- เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชายวัยกลางคนและสูงอายุ
- มีผลต่อผู้ชายประมาณ 5–6% ในช่วงอายุ 40–64 ปี และเพิ่มเป็น 29–33% ในผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ข้อมูลจาก Harvard Health ระบุว่า ผู้ชายเกือบ 50% จะมีต่อมลูกหมากโตบางส่วนเมื่ออายุ 60 ปี และประมาณ 90% เมื่ออายุ 85 ปี
อาการที่มักเกิดจาก BPH ได้แก่
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
- ปัสสาวะออกช้า หรือแรงดันน้อย
- เริ่มปัสสาวะลำบาก หรือรู้สึกปัสสาวะไม่หมด
- มีความเร่งด่วนหรือหยดเล็กน้อยหลังปัสสาวะ
อาการเหล่านี้มักเกิดช้าและค่อยเป็นค่อยไป การตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การจัดการง่ายขึ้น และลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
การอักเสบของต่อมลูกหมาก (Prostatitis)
- เป็นโรคที่พบได้ในผู้ชายอายุน้อยมากกว่า
- พบว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชายอายุต่ำกว่า 50 ปี
- มักมีอาการเจ็บปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย, ปัสสาวะผิดปกติ, หรือปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
ผู้ชายที่อายุน้อยแต่มีอาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถรักษาได้หากตรวจพบเร็ว
มะเร็งต่อมลูกหมาก
- พบได้น้อยในผู้ชายอายุต่ำกว่า 40 ปี
- แนวทางสากลแนะนำให้ผู้ชายกลุ่มเสี่ยงเฉลี่ยเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการตรวจ PSA ระหว่างอายุ 50–69 ปี
- ผู้ชายกลุ่มเสี่ยงสูงควรเริ่มตรวจเร็วกว่านี้
สัญญาณที่ควรตรวจต่อมลูกหมาก
การเปลี่ยนแปลงการปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะกลางคืน
- ปัสสาวะอ่อนหรือหยุดชะงัก
- เริ่มปัสสาวะยาก ต้องรอหรือเบ่ง
- รู้สึกปัสสาวะไม่หมด
- ปัสสาวะเร่งด่วนหรือมีอาการเจ็บขณะปัสสาวะ
มีเลือดในปัสสาวะหรืออสุจิ
- อาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบ
- บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ปวดหรือไม่สบายบริเวณอุ้งเชิงกราน
- ปวดหลังส่วนล่าง, สะโพก, หรือต้นขา
- อาจเกิดจากการอักเสบของต่อมลูกหมาก (Prostatitis)
ปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ
- ปริมาณน้ำอสุจิลดลง
- ปัสสาวะเจ็บขณะหลั่งอสุจิ
- การแข็งตัวลำบาก
- ความต้องการทางเพศลดลง
ประวัติครอบครัวหรือปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล
- พ่อหรือพี่ชายเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
- มีเชื้อสายแอฟริกันหรือกลุ่มเสี่ยงสูง
- มีโรคอ้วน, เบาหวาน หรือความเสี่ยงจากไลฟ์สไตล์
ความเหนื่อยหรือการลดน้ำหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาจเป็นสัญญาณของโรคต่อมลูกหมากขั้นสูง หากพบร่วมกับอาการปัสสาวะหรือปวดกระดูก
การป้องกันและดูแลสุขภาพต่อมลูกหมาก
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีนช่วงเย็น
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ไม่รอให้เกิดอาการรุนแรง
การตรวจและติดตามต่อมลูกหมากตั้งแต่ระยะเริ่มต้นช่วยให้ผู้ชายสามารถรักษาคุณภาพชีวิต ความสบาย และสมรรถภาพทางเพศไปได้อย่างยาวนาน
สรุป
ปัญหาต่อมลูกหมากมักเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และผู้ชายหลายคนมักเข้ารับการตรวจเมื่ออาการรุนแรงแล้ว การตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 40–50 ปี หรือเร็วกว่านี้ในกลุ่มเสี่ยงสูง เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและจัดการโรคได้ทันท่วงที การตรวจต่อมลูกหมากไม่เพียงช่วยป้องกันโรคร้ายแรง แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพชีวิต ความมั่นใจ และสมรรถภาพทางเพศ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชายที่ Menscape Clinic/คลินิกเมนสเคป เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการตรวจอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การตรวจเลือด PSA การตรวจทางทวารหนัก หรือคำแนะนำด้านการป้องกันและดูแลสุขภาพต่อมลูกหมากในระยะยาว


